ผู้ที่สนใจ สมุนไพรช่วยผู้ป่วยเป็นเอดส์ คลิ๊กที่นี่ครับ
ชีวิตนอกวัง เรื่อง ยาเถื่อน โดย ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์

ยาเถื่อน

ที่ว่า "ยาเถื่อน" ก็เพราะกระทรวงสาธารณสุข
องค์การอาหารและยาไม่ได้รับรองคุณภาพ
แต่คนที่ข้าพเจ้าแนะนำให้กิน แล้วหายโรคไปทุกราย
ก็ไม่ใช่คนเถื่อนด้วย คนดี ๆ ผู้มีเกียรติมีเงินมีทองทั้งหญิงชาย
เจ็บไข้ทรมานมานานปี กลัวความตาย บอกให้ก็เลยเอาไปทำ
กินแล้วก็มาขอบอกขอบใจ ว่าหายโรคเพราะยาเถื่อนของข้าพเจ้า
ตัวยาก็ไม่ได้มีอะไรหลายอย่าง
ยามีอย่างเดียว คือต้นกะเม็งที่ขึ้นอยู่ตามดินทั่วไป
ในบ้านข้าพเจ้า ต้องตามใจให้มันขึ้นรกทั่วบ้าน
ด้วยมันมีคุณประโยชน์เหลือหลายในเรื่องบาดแผลสดทั่วทั้งร่างกาย
ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ชะงัดกว่ายาเหลืองยาแดงที่ใช้ใส่แผลสด
กะเม็งใส่แล้วแผลไม่บวม ไม่อักเสบ ทั้งแผลไม่เป็นหนองด้วย
ไม่ว่าแผลเล็กแผลใหญ่ จะไม่มีอาการปวด ใส่ยาพอกไว้คืนเดียวเท่านั้น
เช้าขึ้นปากแผลปิดสนิทเลย
แรกเริ่มเดิมทีที่จะรู้จักกับพืชชนิดนี้
ขณะที่ข้าพเจ้ายังเป็นครูอยู่เด็กนักเรียนวิ่งเล่นไล่จับกัน
วิ่งไปเหยียบเศษแก้วขวดแตก มันบาดเอาใต้ฝ่าเท้า แผลฉีกขาด
ออกไปยาวประมาณ 3 นิ้ว มันทั้งก้อนไหลออกมาจุกอยู่ที่ปากแผล
พวกครูทุกคนต่างตกอกตกใจกันใหญ่ แต่แขกดำที่มานั่งขายถั่วมันมัน
อยู่ที่ศาลาวัด เขาวิ่งไปถอนต้นกะเม็งแถวบริเวณโรงเรียน
แล้วไปเก็บกะลาเก่า ๆ แถวใต้ถุนศาลา เอามาทำครก
เด็ดกะเม็งเป็นท่อน ๆ ทั้งต้นทั้งใบใส่กะลา
เอาเศษไม้มาทำสากตำจนละเอียดดี ก็เอามือควักกำขึ้นมา
เอาน้ำมันบีบใส่ปากแผลทั่วกัน แล้วเอากากที่ตำพอกตลอดปากแผล
ขอเศษผ้าจากภารโรงมาพันผูกรัดเอาไว้รอบเท้า
ครูใหญ่ไม่ยอมเชื่อ จะให้ข้าพเจ้าพาเด็กไปทำแผลยังโรงพยาบาล
เมื่อเวลาทำแผล แขกดำจับก้อนมันที่ไหลมาจุกอยู่
กลับยัดเข้าไปในแผลตามเดิมแล้วจึงพอกตัวยา
แขกท้าว่าถ้าพรุ่งนี้แผลไม่ติดกัน มีอาการอักเสบบวมปวด
แขกจะเลี้ยงถั่วมันแก่เด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนเลย
โดยให้กินฟรีเลย
ครูทุกคนต้องยอมรอดูผลของต้นกะเม็ง
รุ่งเข้า เด็กเดินมาโรงเรียนได้อย่างคนปรกติ ไม่ปวด
ไม่บวมเลย เด็กบอกว่านอนหลับตลอดคืน
ครูใหญ่ชักเอะใจ แก้ผ้าพันแผลออกดู
แผลแห้งสนิท ปากแผลปิดสนิท
แขกดำก็ตะกะเม็งมาบีบใส่อีกครั้ง แล้วเอากากพอกเอาไว้
เอาผ้าพันไว้ตามเดิมเด็กหายวันหายคืน
วิ่งเล่นได้อย่างธรรมดาเลย ทุกคนได้รู้จากแขกขายถั่วว่า
กะเม็งนี้รักษาแผลสดได้ชะงัดนัก ไม่อักเสบ ไม่ปวด ไม่บวม
ไม่เป็นหนองด้วย
ทั้งที่เอากะลาเก่าแสนที่จะสกปรกมาตำ
ยาเหลือง ยาแดง ต้องชิดซ้ายไปเถอะ
เวลาตำต้นกะเม็งจะใส่แผล หรือจะกินเข้าไปก็ตาม
ห้ามเอาน้ำใส่ลงไปปนเด็ดขาด ต้องน้ำของมันเอง
ชั่วโมงหัดพลศึกษา ครูพละต้องพาเด็กไปหัดที่ลานกว้างหน้าโบสถ์
วันหนึ่งครูชายที่สอนพลศึกษา กำลังสอนหัดเด็กอยู่
ท่านสมภารเดินมายืนดู แล้วท่านถามครูพละว่า
เป็นครูสอนพละควรจะตัวโตแข็งแรงล่ำสัน
ทำไมตัวผอมเล็กบางอย่างนี้ ครูพละเรียนท่านว่า
ตัวเขาเป็นโรคกระเพาะอาหาร รักษามานานไม่หาย
จนบัดนี้เป็นแผลในกระเพาะแล้วรักษาโรงพยาบาลมา 3 ปีแล้ว
แผลก็ไม่หาย ชอบปวดกระเพาะอยู่บ่อย ๆ
กินอาหารเข้าไปมื้อใดก็ปวดมากทุกที
ท่านสมภารว่า "อ้าว ! เรื่องนี้ไม่ยาก
วัดเรามีต้นยาเยอะไป เที่ยวเดินถอนต้นกะเม็งมาทั้งต้นทั้งราก
ล้างให้สะอาด แล้วหั่นละเอียด
เอาลงครกตำให้แหลก
คั้นเอาแต่น้ำของมันจริง ๆ เวลาตำอย่าเอาน้ำเติมลงไป
ควักใส่ผ้าขาวบาง บีบเอาแต่น้ำของมัน ใส่ถ้วยแกงไว้ 1 ถ้วย
เอาน้ำผึ้งมาตวงเข้า 2 ถ้วยแกง เป็นหนึ่งต่อสอง
เอาใส่ขวดเขย่าให้เข้ากันดี แล้วเก็บไว้ จะวางไว้เฉย ๆ ก็ได้
จะใส่ตู้เย็นไว้ยิ่งดี ตื่นเช้ากินเสีย 1 ถ้วยยา
ก่อนนอนกิน 1 ถ้วย
กินไปอย่างนี้ทุกวัน เดือนเดียวก็หาย จะกินอาหารได้สารพัด
อาการปวดหรือแสบจะไม่มีเลย"
พอท่านสมภารบอกเช่นนี้
เอาละซีเดือนร้อนภารโรงเที่ยวไปตามหาต้นกะเม็งทั่ววัด
ถอนได้มา 1 กะละมัง เอามาล้าง สับแหลก แล้วตำ
คั้นเอาน้ำกรองใส่ชามไว้ให้
เดือดร้อนอีกแล้ว ไม่มีน้ำผึ้ง
ต้องไปรบกวนขอน้ำผึ้งท่านสมภาร
ท่านมีอยู่ท่านก็ให้มา 1 ขวดแม่โขง
เอามาผสม 1 ต่อ 2 ตามตำราตั้งแต่วันนั้นมา ครูพละก็ลงมือกินตามที่ท่านบอก
ยาหมดขวดแม่โขงครูพละหายเจ็บแสบปวดในกระเพาะ
หลังกินอาหารทุกมื้อก็ไม่มีอาการใด ๆ
แม้จะทดลองกินของแข็ง เปรี้ยว เค็ม เผ็ดจัด
ก็ไม่มีอาการอันใดเกิดขึ้น จึงรู้ว่าตัวหายแล้ว
ท่านสมภารให้ทำกินซ้ำอีก 1 ขวด
เพื่อความแน่ใจให้หายสนิท
ครูพละต้องไปซื้อน้ำผึ้งเองแล้วคราวนี้
จะไปนั่งขอท่านสมภารอยู่ได้ยังไง
ท่านจะได้ถีบตกกุฏิลงมาว่า อ้ายหน้าขี้ขอ
แล้วท่านก็บอกไว้ด้วยว่า ไม่ใช่แก้แต่แผลในกระเพาะดอก
ถึงเป็นแผลในล้ำไส้ หรือแผลที่ปากมดลูก ก็หายหมด
ท่านรักษาหายมาหลายคนแล้ว
ท่านว่าพระธุดงค์ไปอยู่ป่า โรงพยาบาลที่ไหนจะมี
พระท่านก็ได้อาศัยต้นกะเม็งนี่แหละ
ในเรื่องปวดบวมอักเสบ แผลทั้งภายนอกภายในดีนัก

พวกครูเลยได้จำคำของท่านสมภารบอกกันต่อ ๆ ไป
เมื่อข้าพเจ้าออกจากเป็นครูแล้วขณะนั้นอายุ 40 ปี
เป็นโรคท้องผูกเป็นประจำ 7 วันจึงจะถ่ายสักครั้ง
อุจจาระผูกแข็ง ก็เลยถูไถลำไส้ใหญ่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
ไปตรวจยังโรงพยาบาล หมอให้ไปเอ็กซเรย์
ปรากฏว่าเป็นแผลที่ลำไส้ใหญ่ โตขนาดเหรียญบาทอย่างเก่า
หมอให้ใช้หม้อสวนเอาอุจจาระออกทุกเช้าและทุกวันด้วย
แล้วให้ยามากิน 2 ขนาน รักษาอยู่ 2 ปี ไม่หาย
ไปเอ็กซเรย์ครั้งใด แผลยังโตอยู่เท่าเดิม
ต่อมาอีกหลายเดือนไม่หายเข้าจริง ๆ แล้ว เลยนึกในใจว่า
เราคงไส้ทะลุตายแน่ในไม่ช้านี้ แล้วอยู่ ๆ คงจะสิ้นกรรมแล้ว
ทำให้นึกถึงต้นกะเม็งขึ้นมาได้ นึกขึ้นมาเองโดยไม่มีใครเตือน
เอ๊ะ ! เราจะมานั่งงอก่อปวดแผลอยู่ทุกวันทำไม
บางทีเราอาจจะหายก็ได้
จัดการถอนต้นกะเม็งในบ้านมาตำทำกินทันที
เปลืองต้นกะเม็งมากมาย ด้วยตำแล้วห้ามไม่ให้ใส่น้ำ
ต้องเอาแต่น้ำของมันจริง ๆ ก็เลยตำคั้นได้ 1 ขวดแม่โขง
แล้วไปซื้อน้ำผึ้งมา 2 ขวดแม่โขง ผสมกัน
แล้วกรอกขวดได้ 3 ขวดแม่โขง ใส่ตู้ไว้
กินไปเช้าค่ำทุกวัน หมดยา 2 ขวดหายเรียบร้อย
ไม่เจ็บไม่ปวดอีกเลย เลยรู้ว่าหายเพราะยาเถื่อน
แล้วไปหาซื้อยาระบายแผนโบราณมากินก่อนนอนทุกคืน
เช้าขึ้นก็ไปห้องสุขา 1-2 ครั้ง โดยไม่ยอมให้ท้องผูกอีกเลย
นี่ก็อายุ 82 แล้ว ไม่เคยเป็นอะไรที่ลำไส้อีกเลย

ต่อมา น้องสาวเป็นแผลที่ปากมดลูก รักษาอยู่โรงพยาบาล 5 ปี
แผลเท่าเหรียญสลึงอย่างเก่า เขาต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ
ไปชะแผลใส่ยา 5 ปีแห่งการรักษา ไม่มีอะไรดีขึ้น
แผลไม่ขยายกว้างออกไป แต่ก็ไม่หาย เมื่อแรกรู้ตัวว่าเป็น
บอกยาให้ไปทำกินเอาเองก็ไม่เอา บอกขี้เกียจทำ
ข้าพเจ้าก็เป็นห่วงเขา กลัวว่าถ้าเป็นเนิ่นนานไปแล้ว
แผลจะกลายเป็นโรคอื่นไป เลยรบเร้าให้เขากินดูก่อน
ข้าพเจ้าจะจัดการตำเคล้าน้ำผึ้งไปให้เสร็จ
ขอแต่เพียงแข็งใจกินให้หมดที่ทำให้ไปก็แล้วกัน
ข้าพเจ้าก็ตำผสมไปให้ 2 ขวดแม่โขง
บอกให้เอาใส่ตู้เย็นไว้ กินเช้ากับก่อนนอนทุกวัน เขาก็ยอมกิน
เป็นที่น่ายินดี เมื่อยาหมดไป 2 ขวด
น้องสาวหายเรียบร้อย ไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ แล้ว
จึงไปให้หมอตรวจอีกที หมอแปลกใจแผลหายไปหมดได้ยังไง
เหลืออยู่แต่รอยแผลเป็น
คนไข้อายไม่ยอมบอกหมอว่ากินยาเถื่อน
กลัวหมอจะหัวเราะเยาะว่า บ้าบอโง่เง่า เลยเฉยเสียไม่ตอบ
หมอจึงว่า รักษามาหลายปีมันก็คงหายไปเอง
เดี๋ยวนี้น้องสาวข้าพเจ้าอายุ 65 ปีแล้ว
ยังเป็นน้ำเป็นนวลผุดผ่อง ไม่แสดงความแก่เลย
เหมือนคนอายุ 40 หรือ 50 เป็นไปได้ยังไง แต่มันก็เป็นไปแล้ว
พวกที่เป็นแผลในกระเพาะและลำไส้
ข้าพเจ้าบอกยาเถื่อนให้ไปทำกินเอาเอง กินหายไปหลายคนแล้ว
มาขอบคุณวุ่นวายว่าหายแล้วทุกราย
บางรายถึงเลือดสด ๆ ออกเวลาถ่ายหนัก
ออกจนผิวกายซีดขาว
สถานรักษาโรคในกรุงเทพฯ ที่ไหนดีที่สุด แพงที่สุด
เขาต้องไปรักษา ย้ายไปทุกแห่งโรคก็ไม่หาย
มาเล่าให้ข้าพเจ้า เลยบอกยาเถื่อนให้
เขาก็ไม่รู้จักต้นกะเม็ง สงสารเขาเลยต้องทำไปให้กิน 2 ขวดแม่โขง
หายเงียบไป 2 เดือน โทร.มาบอกว่าเดี๋ยวนี้เลือดหยุดออกแล้ว
ไม่เจ็บไม่ปวด แถมยังอุตส่าห์ให้คนขับรถเอาของรางวัลมาให้ข้าพเจ้าถึงบ้าน
รางวัลขอบคุณคือสร้อยทองคำ
เป็นสร้อยข้อมือฝังทับทิมสยามเม็ดเล็ก ๆ รอบข้อมือ
ข้าพเจ้าทำให้ก็เพราะอยากให้เขาหาย
ไม่หวังประโยชน์ทรัพย์สินอันใดจากใครทั้งสิ้น
เขาหายโรค นี่แหล่ะคือรางวัลทางใจอันใหญ่ยิ่งแล้ว

ต่อมาอีกนาน ก็ได้รู้ว่ายาเถื่อนนี้มีคุณสมบัติอย่างอื่นอีก
คือแก้โรคปวดเข่า สำหรับคนมีอายุแล้ว มักจะเป็นโรคปวดเข่าทั่วกัน
กินยาฝรั่งอันตรายทางกระเพาะมาก
แล้วก็หายไปชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็ปวดอีก
ตอนนี้ข้าพเจ้าเพียงเล่าให้ฟัง อย่าพึ่งเชื่อถือ
เพราะข้าเจ้าเองก็เป็นโรคปวดเข่ามาหลายปีแล้ว
ไปรักษาโรงพยาบาลหายไปชั่วคราว แล้วมันก็ปวดอีก
ไม่เคยคิดจะกินยาเถื่อนอันมีขึ้นอยู่เต็มบ้าน
เพราะไม่รู้ว่ามันแก้โรคปวดเข่าได้
วันหนึ่ง คุณจำรัสเพื่อนที่ชอบพอนับถือกัน
โทร.มาถามข้าพเจ้าว่า ที่บ้านมีต้นกะเม็งหรือเปล่า
ก็บอกไปว่ามีเยอะ จะทำไม คุณจำรัสขอมาบอกว่า
วันเสาร์นี้ช่วยถอนไปให้ที่โรงละครด้วย เอาทั้งต้นทั้งราก
ถอนเอาแต่ต้นโต ๆ ต้องชุดทุกต้นเพราะรากมันลงลึก
ได้มากโขอยู่ ล้างดินสะอาด แล้วก็ห่อกระดาษใส่ถุงพลาสติกใบโต
หอบหิ้วขึ้นรถเมล์เอาไปให้
พอถึงโรงละคร คุณจำรัสคอยอยู่แล้ว
พอส่งของให้ ข้าพเจ้าก็ถามว่า
"เอาไปทำไม แล้วมันดีวิเศษยังไง"
คุณจำรัสจึงเล่าให้ฟังว่า "หลานสาวอยู่บ้านเดียวกัน
ปวดขา ปวดเขา ปวดจนบวมเป่ง ปวดตั้งแต่ยังเดินได้
จนเดี๋ยวนี้เป็นมากเข้าจนเดินไม่ได้แล้ว ใช้คลานเอา
จะทำอะไรก็คลานทำไปได้ทั่วบ้าน
มีคนจีนเดินผ่านมาหน้าบ้าน เห็นเข้า แกก็ถามไถ่
พอรู้ว่าเป็นอะไร จีนคนนั้นก็บอกยาให้
แกว่าแกบอกเพื่อบ้านกินหายไปหลายคนแล้ว
แกให้ต้นกะเม็ง เอาทั้งต้นทั้งรากมาล้างน้ำให้สะอาด
แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เวลาหั่นให้เด็ดใบออกให้หมดเสียก่อน
เหลือแต่ลำต้นเอารวบเข้าหั่นให้ละเอียด
แล้วเอาไปปนกับใบของมันที่เด็ดเอาไว้
ใส่กระด้งไปตากแดดจนแห้งกรอบ ตากไว้สัก 3-4 วันก็ใช้ได้
จึงเอาไปจ้างร้ายขายยาไทยบดให้ละเอียดจนเป็นผง
แล้วเอามาเคล้ากับน้ำผึ้งพอปั้นก้อนได้
เคล้าแล้วใส่อับพลาสติกไว้
ตื่นเช้าก็ปั้นกิน 1 ก้อนขนาดหัวแม่มือ
ก่อนนอนก็กิน 1 ขนาดหัวแม่มือ
ก่อนนอนก็กิน 1 ก้อนขนาดเดียวกัน
กินวันละ 2 มื้อเท่านั้น"
ข้าพเจ้าก็ว่า "จริงหรือว่าแก้ปวดเข่าได้
ข้าพเจ้าเที่ยวรักษามานานนักแล้ว
ไม่เคยหายขาดเลย
ทั้งฉีดยาเข้าในหัวเข่า ทั้งประคบนวด
ทายาที่มีขายแทบทุกอย่าง
จนกระทั่งไปฝังเข็ม ไม่เคยหายเลย
เคยรู้แต่ว่ากะเม็งกินแก้แผลภายนอกภายในร่างกาย
แต่ต้องตำสด ๆ คั้นเอาน้ำผสมน้ำผึ้ง"
คุณจำรัสว่า "หลานสาวกินมาจนหายปวด
ขาที่บวมก็ยุบหมด เดี๋ยวนี้เดินทำงานไปได้ทั่วบ้าน
ไม่ต้องคลานอีกแล้ว ถ้าไม่เห็นกับลูกตาตัวเอง
ถึงใครจะมาเล่าให้ฟัง ก็เหลือจะเชื่อ
ที่มาขอคุณก็เพราะจะเอาไปทำกินเองมั่ง
ด้วยมีอาการปวดเข่าเหมือนกัน แต่ยังไม่เป็นมากเท่ากับหลาน"
ข้าพเจ้าฟังแล้วก็เฉย ๆ เพราะเป็นคนเชื่ออะไรยาก
พอถึงวันเสาร์อีกครั้ง ข้าพเจ้าก็ไปดูละครอีก
คุณจำรัสเดินยิ้มแย้มเข้ามาหา แล้วพูดว่า
"ดูซีคุณ ดิฉันกินได้ 7 วันพอดี ขาค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ
เดินเหิรคล่องกระฉับกระเฉงดีกว่าเก่าจนรู้สึกได้
คุณมีอีกถอนมาให้ดิฉันอีกนะ"
ข้าพเจ้าว่า "โอ๊ย... ไม่มีแล้ว เหลืออยู่แต่ต้นเล็ก ๆ
จะเก็บเอาไว้ทำกินเองมั่ง
ตอนนี้ชักเลื่อมใสตงิด ๆ
ด้วยเห็นคุณจำรัสเดินคล่อง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
จะลองกินดูมั่งสัก 1 เดือน หายก็หายไม่หายก็ตามใจ"
พอถึงวันจันทร์ เช้าขึ้นเดินถอนต้นกะเม็งเป็นการใหญ่
ถอนหมดบ้านเลยได้ 1 กะละมังเล็ก
ล้างสะอาดแล้วหั่นใส่กระด้ง
เอาไปตากแดดไว้หน้าโรงรถ เพราะตรงนี้ได้แดด
ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น
กะว่า 3 วันคงจะแห้งกรอบ
แล้วจะให้แม่ครัวเอาไปจ้างร้านขายยาไทยบดเป็นผง
น้ำผึ้งก็มีอยู่แล้วหลายขวด
พอแดดร่ม ก็เก็บกระด้งยาซึ่งแห้งยุบแฟบติดก้นกระด้ง
เอาไปวางไว้ที่ระเบียงเรือนแถว
กลางดึกคืนวันนั้น แมวบ้านไหนไม่รู้เข้ามากัดฟัดกัน 2 ตัว
หกคะเมนตีลังกา ตกลงไปในกระด้งยา อาละวาดอีท่าไหนไม่รู้
ใบยาจวนจะแห้งแล้วหกกระจายรอบกระด้งเต็มระเบียง
ตื่นเช้ามาแลเห็นแสนจะเสียดาย
ลงคลานเก็บทีละชิ้นใส่กระด้ง
ของยิ่งมีน้อยมาหกเสียอีก เก็บได้หมดแล้ว
ไม่ยอมเอาไปตากหน้าโรงรถ กลัวแมวมาทำหกอีก
ลูกชายเห็นหัวเราะเยาะว่าของดีนักก็เอาไปตากบนหลังคาเถอะ
ตรงกันสาดที่ยื่นออกไปมีแดดทั้งวัน
ข้าพเจ้าเห็นจริงด้วย เอากระด้งขึ้นไปบนบ้านชั้นบน
เปิดประตูยื่นมือ เอากระด้งค่อยวางไว้บนกันสาด
คิดว่าบนกันสาดร้อนจัด แมวคงไม่กล้ามาเดิน
ตากเข้าเขต 2 วัน ตัวยาชักแห้งกรอบเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก
พอตากเข้าวันที่ 3 เจ้ากรรม..... วันนี้ลมพัดแรงมาก
พัดมาอู้-อู้ตลอดเวลา พัดใบยาที่แห้งแล้วปลิวว่อน
ออกจากกระด้งตากเกลื่อนบนกันสาด พัดจากกันสาด
ตกลงมาเกลื่อนถนนข้างล่าง ต้องลงมือเก็บเอาทีละชิ้น
ถ้าขืนกวาดรวมกันแล้วเอามือกอบ ก็คือหักแหลกหมด
โอ้โฮ ! ดูการตากใบยาเลยเป็นของใหญ่
เวลาตากจะเอาฝาชีมาครอบ
ก็ไม่ได้แดดจัด ต้องเอากระด้งใบยากลับลงมาตากหน้าโรงรถ
แล้วไปแอบนั่งเฝ้าอยู่ห่าง ๆ ในที่ร่ม
ลูกหลานในบ้านพากันขบขันนักหนา
นิจว่ามันวิเศษยังไงถึงต้องไปนั่งเฝ้า
เวลาลมพัดมาก็วิ่งไล่จับลมซี
คุณนิธิเพื่อนรักก็ว่า "ยาขนานนี้มีดีตรงไหน
เห็นตั้งความพยายามมา 3 วันแล้ว"
ข้าพเจ้าว่า "วิเศษแค่ไหน เดี๋ยวก็รู้ดอกน่ะ"
ตากครบ 3 วัน แห้งกรอบดีแล้ว ก็เอามารวมเทใส่ชาม
ให้นิจใส่ครกไฟฟ้าบดให้ พอเครื่องหมุนบดละเอียดดีแล้ว
นิจก็เทออกใส่ชาม กลิ่นฟุ้งเหม็นเขียวกระจายทั่ว
นิจเอามืออุดจมูก เพราะมันฟุ้ง
ข้าพเจ้าแกล้งทำตลก วิ่งไปทำท่าจะยกเสาบ้านที่ระเบียง
แล้วร้องบอกคุณนิธิว่า "ออกมาจากห้องมาดูเร็ว
นี่เพียงได้กลิ่น ยังไม่ทันกิน
ก็มีพละกำลังจะถอนเสาเรือนได้แล้ว"
คุณนิธิร้อง "อย่า อย่า อย่าถอนเสาเรือน เดี๋ยวบ้านพัง"
เลยหัวเราะกันจนน้ำตาไหล
เมื่อบดเสร็จก็เอายามาใส่ชาม เทน้ำผึ้งลงไปผสมพอปั้นได้เป็นก้อน
ข้าพเจ้าก้มลงสูดกลิ่นว่ามันยังเหม็นเขียวอีกไหม นิจกับคุณนิธิถามว่า
"สูดกลิ่นเข้าไปทำไม ตั้งหลายที"
ข้าพเจ้าเลยแกล้งพูดตลกว่า
"โธ่ ไม่รู้อะไร ยานี่ยังไม่ต้องกิน เพียงสูดกลิ่นเท่านั้น
โรคที่เป็นหายไปครึ่งนึงแล้ว ถ้าคืนนี้กิน โรคหายไปหมดเลย
ยาดี ๆ ได้ดมแต่กลิ่นไม่ต้องกินก็หาย"
เลยได้ฮากันใหญ่ เขาขำข้าพเจ้าว่าตื่นเต้นยาเสียเหลือเกิน
ขณะที่เขียนเรื่องยาเถื่อนนี้ ข้าพเจ้าเพิ่งกินได้ 2-3 วัน
ยังไงก็ต้องกินให้ได้ 1 เดือนจึงจะรู้ผล แม้จะดีขึ้นเพียงเล็กน้อย
ก็ยังเห็นว่าเป็นผล ขออย่าปวดเดินคล่องก็แล้วกัน
ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นทดลอง

ชานหนุ่มผู้หนึ่งเป็นนักร้องจำเป็น
ต้องร้องเพลงทุกวันเป็นอาชีพ เมื่อใช้เสียงมากทุกวัน
หลอดเสียงก็อักเสบ มีอาการไอเสียงแหบเจ็บคอ
รักษามา 3 โรงพยาบาล ทั้งหมอจีน ทั้งฝังเข็ม
คงเป็นอยู่อย่างเดิม ข้าพเจ้าสงสาร ทำยากะเม็งตำคั้นเอาแต่น้ำ
ผสมน้ำผึ้งไปให้เขากินเดือนละ 2 ขวดแม่โขง
โดยให้หยุดรักษาทั้งหมดทุกแห่ง กินแต่ยาเถื่อน เช้า-เย็น
บัดนี้เขาหายเป็นปรกติ ทั้งที่ไปร้องเพลงทุกวันไม่เคยหยุด
จะว่าหายเพราะอะไรก็นึกดู แต่เขาก็กินยากะเม็งหลายเดือนอยู่
ใช้เวลากินยานาน จึงหายเรียบร้อยจะเดี๋ยวนี้
หญิงสาวผู้หนึ่งทำงานอยู่สถาบันวิจัยพืชสมุนไพร
วันหนึ่งเขามาหาข้าพเจ้าด้วยธุระของเขา
มาเห็นในบ้านข้าพเจ้ามีต้นกะเม็งขึ้นทั่วไป
เขาเลยบอกว่าต้นกะเม็งนี่ดีนัก เป็นยาที่ใช้กินอยู่เสมอ
ป้องกันการเป็นมะเร็งได้ด้วย แต่ถ้าปล่อยให้เป็นมะเร็งแล้ว
ยานี่ใช้รักษาไม่ได้ ได้แต่กินป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็ง

ฟังแล้วเหลือจะเชื่อ แต่เขาพูดตามหลักวิชาที่ได้ค้นคว้ามา
เราไม่มีความรู้จะเอาอะไรไปเถียง
พระธุดงค์ท่านคุยให้ฟังว่า กะเม็งเป็นยาวิเศษ
กินแก้ได้สารพัดโรค ถึงวันเดือนดับ ก็ตำกินเสียครั้งนึง
ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย ไม่มีโรคภัย
เรื่องยากะเม็งนี้ เคยเล่าไว้ครั้งนึงแล้วในเรื่องไปทรงเจ้า
แต่ไม่ละเอียด คราวนี้ได้รู้สรรพคุณมาอีกอย่างกว้างขวาง
เลยเอามาเล่าอีกที ฉะนั้น มาฟังซ้ำก็ดีจะได้จำแม่นขึ้น
ถึงซ้ำก็ซ้ำของมีคุณประโยชน์ ดูแต่เรากินข้าว
วันนี้กินแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังกินอีก กินไปทุกวันเรายังกินได้
เหมือนยิ่งอ่านยิ่งรู้ยิ่งดูยิ่งเห็น
กะเม็งผสมน้ำผึ้ง กินง่ายมาก
ไม่เหม็นเขียว ไม่ขม เหมือนกินน้ำใบบัวบก ที่เขาขายใส่น้ำตาลน้ำแข็งให้เรากิน
ต้นกะเม็งเวลาตำสิยากมาก เขาไม่ให้เอาน้ำใส่เข้าไป
แต่น้ำของมันเองที่กระเด็นออกมาจากครก เข้าหู เข้าตา
จับหน้าเราเป็นจุดดำ ๆ จับนิ้วมือดำทุกนิ้ว
จับเล็บดำไปนานหลายวันไม่ยอมออก คนจึงขี้เกียจทำกิน
เวลาตำแล้วควักมาห่อนผ้าขาว เอามือลงไปบีบคั้นเอาน้ำออก
มือดำไปหมด ให้ฟอกสบู่ก็ไม่ออกหมด
ต้องปล่อยไว้มันจะหายดำเมื่อไหร่ก็ตามใจ
คนจึงขี้เกียจไม่ยอมทำกิน สู้กินยาฝรั่งไม่ได้ง่ายจะตาย
หยิบเม็ดยามาใส่ปาก กลืนเอื๊อกเดียวเสร็จกัน
แล้วถึงจะบอกมาให้ปากหัก สิ่งร้ายที่สุดคือ
คนที่ไม่รู้จักต้นกะเม็งเลย
หมดปัญญาพออดกิน
ถ้าใครสนใจอยู่บ้าง ก็ไปหาต้นกะเม็งเล็ก ๆ
มาสัก 1 ต้นมาปลูกไว้ที่ดินแฉะ ๆ พอมันโตขึ้นออกดอกออกเม็ด
ทีนี้แหละ ขึ้นเป็นดงเลย
ยิ่งเม็ดร่วงยิ่งปลิวไปขึ้นทั่วบ้านจนต้องถอนทิ้งเสียมั่ง
พูดมาทั้งหมดนี่ก็เหนื่อยแล้ว ท่านเชื่อก็ไปทำกิน
เวลาเป็นโรคตามที่บอกไม่เชื่อก็แล้วไป
ท่านที่เป็นโรคอยู่เอาไปทำกินแล้วโรคหาย ก็ไม่ต้องมาขอบใจ
ข้าพเจ้าเขียนเล่ามานี้ เหมือนหนึ่งแจกตำรายาเถื่อนให้ได้กินหายโรคอายุยืนทั่วกัน
ท่านที่มีกรดในกระเพาะมาก ท้องอืด ท้องขึ้น แน่นท้อง อยู่เป็นประจำทุกคืน
กินยากะเม็งแล้ว ขับลมในท้องในกระเพาะ ท้องแห้งแป้
เดินไปไหนไม่มีใครว่าพุงยื่น
ท่านที่เอาไปทำกินแล้วไม่หาย ก็ไม่ต้องมาต่อว่า
ควรทราบคำโบราณท่านกล่าวกันมานานนักหนาแล้วว่า
"ยา ไม่ได้กินหายโรคไปทุกคน"
ด้วยว่า "ลางเนื้อชอบลางยา"
บางคนกินหาย บางคนกินไม่หาย
อันนี้ขึ้นอยู่กับคำที่พระท่านว่า
"เป็นกฎแห่งกรรม"
ถ้าคนผู้นั้นกรรมกำลังให้ผลอยู่ ยังไม่เสร็จสิ้น
ถึงกินยา 108 อย่างมันก็ไม่หาย ถ้ากรรมให้ผลจวนเสร็จสิ้นแล้ว
กินยาอะไรก็หาย ด้วยกรรมมิได้ให้ผลจนถึงเสียชีวิตลง จึงหายได้
ฉะนั้น เราทุกคนจึงรู้ไม่ได้ว่า กรรมให้ผลเสร็จสิ้นหรือยัง
จึงต้องลองกินดู ถ้าหายได้ก็โชคดีไป หายไม่ได้
ก็อย่ามาโทษว่ายาไม่ดี เพราะกรรมกำลังให้ผลท่านอยู่
รู้ตามนี้แล้วควรสบายใจ ลองทำกินไปเถอะ เผื่อจะหายได้
เขาหายกันมามากนักแล้ว

บอกมานี่ก็ไม่ได้คิดเงินค่าบอก ทั้งก็ไม่ได้ทำยาขายด้วย

จบเรื่อง ยาเถื่อน โดย ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์


อ่านมาถึงตรงนี้ ชักอยากรู้จัก ต้น กะเม็ง แล้ว ใช่มั๊ยหล่ะครับ
เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจเพราะมันเถื่อน ๆ

อ่านเรื่องนี้ ให้เป็นเรื่อง เพียงบอกเล่า
อย่าพึงเข้า ต่อต้านใจ ไปไขว้เขว
หากท่านเชื่อ ก็ต้องลอง อย่าลังเล
ด้วย โภชเน และ ออ ยอ ยังไม่ครอง
เกือบหมดกรรม ท่านจึง มาอ่านพบ
ท่านชดใช้ กรรมเกือบครบ โรคกำลังหาย
หากท่านลอง ทำกิน แล้วสบาย
ข้าฯ ขอฝาก ข่าวกระจาย แพร่ต่อไป
ด้วยผู้แต่ง บอกไว้แล้ว ว่ายาเถื่อน
ท่านอย่าเลื่อน เชื่อใจจริง อิงฉงน
ท่านต้องฝึก ต้องลอง ตรองและยล
หากดีผล ต่อร่างกาย ข้าฯสุขใจ
ขอบุญใด ที่ข้าฯมี ช่วยชี้บอก
ให้ผู้อ่าน รอบคอบ กินแล้วหาย
ท่านรอบคอบ ก่อนกิน แล้วทุกข์คลาย
ใจสบาย ไม่รันทด ด้วยโรคา
ข้าบูชา ผู้มีคุณ และ สมุนไพร
จักสิ้นไร้....คำเถื่อน เปลี่ยนชื่นชม.
อยากชมภาพให้ขยายใหญ่กว่านี้ กรุณาคลิ๊กที่ภาพครับ
อย่าลืมดูอัตราส่วนของแถบวัดที่วางข้าง ๆ ด้วยนะครับ

ภาพที่ 1. ต้น ใบ ดอก ราก


ภาพที่ 2


ภาพที่ 3


ภาพที่ 4


ภาพที่ 5


ภาพที่ 6


ภาพที่ 7


ภาพที่ 8



ด้วยความปรารถนาดีครับ ท่านชมภาพเหล่านี้ไปพลางก่อนนะครับ แล้วผมจะหามาเพิ่มเติมให้ท่านเห็นชัด ๆ จนมั่นใจครับ
สมพล ลือชัย
สนใจอยากชมตัวอย่าง ฟรี ฟรี กะเม็ง สด ๆ หรือ บดแล้ว
054-221939 หรือ pager 1188-6433695


ข่าวดี สำหรับผู้ป่วยเป็น เอดส์ , มะเร็ง , เบาหวาน , โลหิตเป็นพิษ , ความดันโลหิตสูง , หัวใจ โปรดติดตามที่นี่นะครับ
กำลังพิมพ์ รายงานการสัมมนา จากศูนย์มะเร็งแห่งชาติอยู่ครับ 31 หน้ากระดาษ ขนาด A4 ครับ ค่อนข้างยาวมากครับ แต่สรุปว่า หญ้าปักกิ่ง ใช้รักษามะเร็งได้ครับ...ภาพหญ้าปักกิ่ง 1...ภาพหญ้าปักกิ่ง 2
ส่วน เรื่อง ถัดมาคือ ใช้น้ำต้มใบฝรั่งล้างปากบ่อย ๆ และใช้ใบพลูคาวสด ๆ โขลกแล้วปั้นเป็นรูปลูกตอร์ปิโด ยัดไว้ที่รูทวารหนัก และดื่มน้ำต้ม ต้นกะเม็ง หรือ ภาษาเหนือ เรียกว่า ห้อมเกี่ยว สามารถยับยั้ง บรรเทาผู้ป่วยโรคเอดส์ได้ครับ
โดยเฉพาะวิธีดื่มน้ำต้มต้นกะเม็ง หรือ กะเม็งผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน เนี่ย
ช่วยคนป่วยที่เป็นโรคเอดส์ ให้กลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม เอ !!! ราคาคุย รึเปล่า นะ เนี่ย
( ขนาดเนื้อหนังร่างกายมีสีดำ ตกสะเก็ด แล้ว นอนแซ่ว ยังอ้วนขาว รอดมาได้ อาจจะเป็นเพราะกรรมยังไม่หมดรึไม่ก็ไม่ทราบ ยังมีชีวิตอยู่ )
โปรด อย่าลืมนะครับว่า ทุกชีวิต ต้องตาย มิมีผู้ใด หนีรอดไปได้ สัจจธรรมนี้ต้องเป็นพื้นฐานในหัวใจนะครับ ไม่มาคัดค้านหรือทะเลาะกันว่า สมุนไพร นี้ ดีจริงหรือ รึว่า แน่แค่ไหน เพียงใด
อย่าเพิ่งเชื่อนะครับ อดใจรอ ให้ผมเอาเนื้อหา 31 หน้ากระดาษ มาลงให้ท่านอ่านก่อนนะครับ ท่านจะได้มีที่อ้างอิง อย่างมั่นใจครับ จะได้ชื่อว่า ไม่เชื่ออะไรง่ายเกินไป ไม่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับ สิ่งที่ ออ ยอ ยังไม่ได้ว่า งัยเลย

จงให้ชื่อว่า ยาเถื่อนต่อไปก่อน กะ แล้วกันนะครับ


อยากเปลี่ยนแนวคิด ลองกดที่นี่ซิครับ Luechai Home Page
รึว่าจะกลับไปยังสารบัญ Back to Menu